กั ญช าในอาหาร กินแล้วเม าไหม มีผลข้างเคียงรึป่าว

กั ญช าในอาหาร กินแล้วเมาไหม อันตร ายหรือป่าว

กั ญช า หลังถูกปลดล็อกบางส่วนก็มีอาหารใส่กั ญช าออกมาหลายเมนู และเริ่มแพ ร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่กินเมนูกั ญชาแบบนี้จะเม าไหมนะ

กั ญช าเป็นสมุนไพรที่เราเข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก อย่างตอนนี้ก็มีเมนูอาหารกั ญช า และเครื่องดื่มผสมกั ญช า ออกวางจำหน่ายในหลาย ๆ ร้าน ทำให้คนอยากลองกินอาหารใส่กั ญช าดูสักที แต่เห็นรีวิวบางคนบอกว่ามึ น ๆ บ้างแหละ แต่บางคนก็บอกว่าไม่ได้ส่งผลอะไรขนาดนั้นนะ เอาล่ะสิตกลงเมนูกั ญช ากินแล้วจะเมาไหม ลองมาไขข้อสงสัยกันเลย

กั ญช าในเมนูอาหาร ส่วนไหนกินได้-ไม่ได้

ต้องอธิบายก่อนว่า กั ญช าที่นำมาประกอบอาหารได้อย่างถูกกฎหมายคือ ใ บกั ญช าสด เช่น ใบกั ญช าอ่อน หรือใบเพสลาด (ไม่อ่อนไม่แก่) ซึ่งในใบกั ญช าสดจะมีส าร Canabidiol (CBD) และ Tetrahydrocannabinolic acid หรือ THCA ไม่มีฤ ทธิ์ต่อจิตและประส าท (ไม่มีส ารเม า) แต่ THCA สามารถเปลี่ยนเป็นส าร THC หรือส ารเม าได้ ด้วยกระบวนการต่าง ๆ เช่น ถูกแสงแดด สภาพอากาศ อุณหภูมิที่สูงขึ้น หรือการนำไปตากแห้ง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อสา ร THCA ถูกเปลี่ยนเป็น THC แล้วยังคงมีปริมาณ THC ไม่มากนัก จึงได้รับอนุญาตให้นำมาปรุงอาหารได้ โดยต้องซื้อจากแหล่งปลูกและแหล่งจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกกฎหมายจาก อย. ด้วยนะคะ ไม่สามารถปลูกกั ญช าเพื่อนำไปปรุงอาหารเองได้ ส่วนช่อดอกกั ญช า รวมไปถึงเมล็ดกั ญช าที่มีส ารเ มา THC ค่อนข้างสูง ยังคงถือว่าเป็นย าเส พติด ไม่สามารถนำมาประกอบอาหารได้อย่างเสรี

คงเคยได้ยินกันมาว่า กั ญช าทำให้อาหารอร่อยขึ้นได้ และคำกล่าวนี้ก็ไม่เกินจริงไปเท่าไรค่ะ เพราะในใบกั ญช ามีกร ดกลูตามิก (Glutamic acid) ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารได้ รวมทั้งส าร THC ที่จะเพิ่มกลิ่นหอมของอาหาร เมื่อกินไปแล้วจึงรู้สึกติดใจอยากกินอาหารมากขึ้น โดยตำรับย าหมอพื้นบ้านก็มีบันทึกไว้ว่า การใช้ใบกั ญช าปรุงอาหารให้คนไข้ที่มีอาการเบื่ ออาหาร ทำให้เจริญอาหารและกินข้าวได้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทั้งนี้ ใบกั ญช าจะมีรสชาติคล้ายผักทั่วไป นิยมใส่ในอาหารประเภทต้ม น้ำแกง น้ำก๋วยเตี๋ยว ผัด หรือในปัจจุบันเราจะเห็นเมนูกั ญช าในเครื่องดื่ม ขนมหวาน เบเกอรี่ หรือในอาหารประเภทชุบแป้งทอดมากขึ้น

กินเมนูกั ญช าจะเม าไหม

กรณีกินใบกั ญช าสด ไม่ผ่านความร้อน จะไม่น่ากังวลเท่าไร เนื่องจากไม่ค่อยมีส ารเม า เราจึงสามารถกินแบบผักสด เช่น ผักเคียง สลัด นำใบสดมาตกแต่งบนจานอาหาร จิ้มกับน้ำพริก คั้นเป็นเครื่องดื่ม หรือดื่มน้ำปั่นที่มีส่วนผสมของใบกั ญช าสดได้อย่างปลอดภั ย

แต่หากนำใบกั ญช าสดไปปรุงอาหารที่ผ่านความร้อนนาน ๆ เช่น ต้ม ทอด ต้องระวั งส าร THCA จะถูกเปลี่ยนเป็น THC ส่งผลให้ได้รับส ารเม าในปริมาณมากขึ้นได้ โดยปัจจัยที่ส าร THC จะเพิ่มขึ้นก็คือ ระยะเวลาที่ปรุง ยิ่งปรุงนานยิ่งมีสา รมากขึ้น รวมทั้งการปรุงด้วยความร้อนและไขมัน อย่างการนำกั ญช าไปผัดน้ำมันหรือทอด จะทำให้ส าร THC ซึ่งละลายในไขมันได้ดี จึงถูกสกั ดออกมามากขึ้น

ดังนั้นถ้าจะรับประทานเมนูกั ญช าที่ผ่านความร้อน ต้องจำกัดปริมาณ คือไม่ควรกินใ บกั ญช าทั้งใบ เกิน 5-8 ใบต่อวัน ซึ่งโดยทั่วไปในเมนูต้มจะใส่ใบกั ญช าประมาณ 1-3 ใบ ต่อแกง 1 หม้อ สำหรับรับประทานทั้งครอบครัว เราอาจจะเลือกกินแต่น้ำ ไม่กินใบก็ได้ หากต้องการชิมเมนูกั ญช าหลายเมนู เพื่อไม่ให้สา รเม าสะสมในร่างกายจนถึงจุดที่เกิดอาการเม าได้

นอกจากนี้ยังต้องระวั งการกินใบแห้งของกั ญช าเช่นกัน เพราะใบแห้งผ่านความร้อนมาแล้ว จึงมีส าร THC อยู่ในตัว ประมาณ 1-2 มิลลิกรัมต่อใบ หากนำมาปรุงอาหารด้วยการใช้ความร้อนหรือไขมันอีก ปริมาณส าร THC จะยิ่งสูงขึ้นด้วย

ทั้งนี้ กรมอนามัยได้แนะนำปริมาณใบกั ญช าต่อเมนูไว้ในประกาศกรมอนามัย เรื่อง การนำใบกั ญช ามาใช้ในการทำ ประกอบ หรือปรุงอาหารในสถานประกอบกิจการอาหาร พ.ศ. 2565 ดังนี้

อาหารประเภททอด : ใช้ใบกั ญช า 1-2 ใบสด กรณีทำไข่เจียว แนะนำครึ่งใบ-1 ใบสด เนื่องจากส าร THC และ CBD ละลายได้ดีในน้ำมัน

อาหารประเภทผัด : ใช้ใบกั ญช า 1 ใบสด

อาหารประเภทแกง : ใช้ใ บกั ญช า 1 ใบสด

อาหารประเภทต้ม : ใช้ใบกั ญช า 1 ใบสด

ผสมในเครื่องดื่ม ขนาด 200 มิลลิลิตร : ใช้ใบกั ญช า 1 ใบสด

กินใบกั ญช าในอาหาร จะมีผลข้างเคียงอื่น ๆ หรือไม่

ในบางคนอาจเกิดอาการข้างเคียงเมื่อกินใบกั ญช า เช่น ปากแห้ง คอแห้ง ง่วงนอน รู้สึกมึนงง ป วดหัว หัวใจเต้นเร็ว เนื่องจากใบกั ญช าที่กินอาจมีสา ร THC มากเกินไป ไม่ว่าจะเกิดจากการรับประทานเกินปริมาณที่แนะนำ การกินผิ ดวิธี หรือร่างกายไวต่อสา รต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าคนอื่น โดยอาการเหล่านี้จะเริ่มแสดงผลหลังรับประทาน 30-60 นาที และจะแสดงอาการเด่นชัดที่เวลา 1 ชั่ วโมงครึ่ง-3 ชั่ วโมง หลังรับประทาน

เพราะฉะนั้น หากเพิ่งเริ่มต้นกินกั ญช าหรือกินครั้งแรกก็ไม่ควรกินปริมาณมากเกินไป และเมื่อกินแล้วให้รอดูผลหลังรับประทานภายใน 2 ชั่ วโมง ถ้ามีอาการปากแห้ง คอแห้ง ให้ดื่มน้ำเข้าไปมาก ๆ หรือกรณีมีอาการมึ นเม า ให้ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง หรือดื่มชารางจืด เพื่อบรรเทาอาการ

วิธีกินกั ญช าในอาหารให้ปลอดภั ย

กั ญช าถือเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งซึ่งมีไฟเบอร์และสา รต้า นอนุมูลอิสระในตัว ซึ่งถ้าเรากินอย่างถูกวิธีก็จะได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยแนะนำให้กินเมนูกั ญช าตามนี้

1. เลือกกินใบสด เช่น กินเป็นผักสด ยำ หรือนำไปคั้นน้ำดื่ม น้ำปั่น

2. ควรกินเมนูกั ญช าที่ไม่ได้ผ่านความร้อนนาน ๆ เช่น ผัดกะเพรา เพื่อที่ร่างกายจะได้ไม่รับส าร THC มากเกินไป

3. หากกินเมนูต้ม ตุ๋น แกงต่าง ๆ ควรกินแต่น้ำ ไม่กินใบที่ใส่ลงไป

ข้อควรระวั งก่อนกินเมนูกั ญช า

ขอย้ำกันอีกครั้งว่าถ้าอยากกินเมนูกั ญช าอย่างเอร็ดอร่อย ปลอดภั ย ไม่เม า และไม่ ผิดกฎหมาย ควรต้องเช็กลิสต์ข้อควรระวั งตามนี้ด้วย

* กินเมนูกั ญช าจากร้านที่ซื้อใบกั ญช าจากแหล่งปลูกและแหล่งจัดจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตจาก อย. แล้ว

* กินเมนูกั ญช าในปริมาณน้อย หากเพิ่งเริ่มกินควรกินแค่ครึ่งใบ-1 ใบต่อวันก่อน เพราะแต่ละคนจะมีความไวต่อฤท ธิ์ของกั ญช าแต กต่า งกัน

* ไม่ควรกินกั ญช าหลายเมนูในมื้อเดียว เพราะอาจได้รับสา รเ มาสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไป

* ไม่ควรกินใบกั ญช าแบบทั้งใบหรือใบที่ผ่านความร้อนแล้ว เกิน 5-8 ใบต่อวัน เพราะหากกินในปริมาณมาก อาจมีอาการผิ ดปกติ เช่น กินอาหารได้มาก พูดมาก หัวเราะร่วน หิวของหวาน คอแห้ง และตาหวานได้

* ระวั งการกินเมนูกั ญช าที่ผ่านความร้อน และการกินกั ญช าร่วมกับอาหารที่มีไขมันสูง เพราะความร้อนและไขมันจะสกั ดสา ร THC ออกจากกั ญช าได้มากขึ้น จึงไม่ควรกินมากเกินไป

* ไม่ควรกินใบกั ญช าแก่ หรือใบกั ญช าตากแห้ง เพราะมีสา ร THC มากกว่าใบกั ญช าสด

* ไม่กินใบกั ญช าร่วมกับแ อลกอฮ อล์

* ควรจำกัดการกินใบกั ญช ากับคนบางกลุ่ม เพราะอาจได้รับผลกระทบมากกว่าประโยชน์ต่อสุขภาพ

ใครบ้างต้องระวั งในการกินเมนูกั ญช า

1. เ ด็ก เยาวชน ที่อายุต่ำกว่า 25 ปี อาจเกิดภาวะเ สพติ ดขึ้นมาได้

2. ผู้สูงอายุ

3. หญิงตั้งครรภ์ หรือให้น มบุตร รวมทั้งผู้หญิงที่วางแผนกำลังจะมีบุตร

4. ผู้มีโ รคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ที่ตั บและไ ตบกพร่อง ผู้ป่ วยโร คหัวใจและหลอดเลือ ด

5. ผู้ที่ใช้ย าวาร์ฟาริน หรือย าละลายลิ่ มเลือ ดเป็นประจำ เพราะกั ญช าจะไปเพิ่มขนาดย าวาร์ฟารินจนเป็นอันตรา ยต่อร่างกาย

6. ผู้ใช้ย าที่มีผลต่อระบบประส าทส่วนกลาง เช่น ย ารักษาอาการจิตเวช

แม้การรับประทานกั ญช าเป็นอาหารจะมีข้อควรระวั งอยู่บ้าง แต่ในทางการแพทย์กั ญช ายังมีประโยชน์อยู่มาก โดยเฉพาะกับการเลือกใช้ส ารสกั ดกั ญช าในปริมาณความเข้มข้นที่เหมาะสมและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

29 − = 19

Back To Top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า