เผยข้อมูล 2 พย านปากเอก ทำค ดีพลิก จน บอส ไ ม่ถูกสั่งฟ้อง
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2563 สำนักข่าว INN รายงานความคืบหน้า กรณีอัยการสูงสุด สั่งไ ม่ฟ้ อง นายวรยุทธ อยู่วิทย า หรือ บอส ทาย าทกระทิงแ ดง ในค ดีเ มาแล้วขับ และขับรถชนตำร วจ จนเป็นเห ตุให้ ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสี ยชีวิต หลังค ดีผ่านมา 8 ปี ท่ามกลางข้อกังขาของสังคม
นายเดชา กิตติวิทย านันท์ ทนายความ เปิดเผยว่า ตนเห็นเอกส ารสั่งไ ม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทย าแล้ว พบว่าตัวแปรสำคัญที่ทำให้อัยการสูงสุดสั่งไ ม่ฟ้อ งเ ด็ดขา ด คือ พยานสำคัญ 2 ปาก ปากแรกเป็นนายพลยศพลโท ปากที่สองเป็นคน อักษรย่อ จ.
ทนายเดชา เผยว่า ในชั้นอัยการ ผู้ต้องหาได้ร้องขอความเป็นธรรม จนนำมาสู่การสอบพยานเพิ่ม 2 ปาก ให้การส อดคล้ องกันว่า วันเกิดเห ตุขับรถตามหลังคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เห็น ด.ต. วิเชียร ขี่จักรยานยนต์ในช่องจราจรซ้ายสุด ส่วนรถของนายบอสอยู่ช่องจราจรที่ 3
พยานระบุว่า บอส อยู่วิทย า ขับรถมาด้วยความเร็วประมาณ 50 – 60 กิโลมาต่อชั่ วโมง
ต่อมาขณะขับอยู่ จู่ ๆ รถจักรยานยนต์ของ ด.ต. วิเชียร ก็เปลี่ยนช่องทางจราจรไปช่องจราจรที่ 3 อย่างกะทันหัน จนถูกรถของบอสพุ่ งชน จึงทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายถูกตั้งข้อหาประมา ทร่วมตั้งแต่แรก โดยสังคมไ ม่เคยรู้เลยว่า ด.ต. วิเชียร ถูกตั้งข้ อหาด้วย
คำให้การของพยานเรื่องความเร็ว สอ ดค ล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ให้การในชั้นสอบสวนว่า บอส อยู่วิทย า ขับรถด้วยความเร็วไ ม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่ วโมง
นายเดชา เผยด้วยว่า ในเอกส ารระบุว่า พยานทั้ง 2 คน ได้มาจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเห ตุ เห็นรถ 2 คัน ขับตามมาจริง จึงถูกนำมาสู่การเรียกเป็นพยาน ทำให้ค ดีพลิกจนอัยการสั่งไ ม่ฟ้ องดังกล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว INN