เตื อนสติ ได้ดี มาก หากอ่านจ บแล้วจะไม่โก ร ธ ใครอีกเลย

 เตื อนสติ ได้ดี มาก หากอ่านจ บแล้วจะไม่โก ร ธ ใครอีกเลย

การไม่มีสติ ก็จะไม่สามารถทำใจให้สงบได้ เพราะใจไม่อยู่กับที่ ไปที่โน่นมาที่นี่ คิดเรื่องนั้นคิดเรื่องนี้ พวกเรามีสติกันน้อยมาก มีพอกับการดำรงชีพ มีสติอยู่กับการกระทำเพียงแวบเดียว แล้วก็ไปคิดเรื่องอื่น แล้วก็

กลับมาที่การกระทำ ไม่ได้อยู่กับการกระทำอย่างต่อเนื่อง ใจจึงไม่นิ่ง มีอารมณ์ต่างๆ เกิดขึ้น ตามความคิดปรุงแต่งต่างๆ คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วก็เกิดอารมณ์ต่างๆ ขึ้นมา

อย ากให้เป็นอย่างนั้น อย ากให้เป็นอย่างนี้ อย ากไม่ให้เป็นอย่างนั้น อย ากไม่ให้เป็นอย่างนี้ เกิดความ

ดีใจเสียใจไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นไปตามความอย ากก็ดีใจ ถ้าไม่เป็นไปตามความอย ากก็เสียใจ ชีวิตของพวกเราจึงวนไปเวียนมากับความดีใจเสียใจ ถ้าสามารถควบคุมใจให้นิ่ง ไม่ให้อย าก ใจก็จะไม่เสียใจ

หรือดีใจ จะรู้สึกเฉยๆ กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่เดือดร้อน ไม่วุ่นวาย ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ เฉยๆ สบายๆ ดีกว่าเสียใจหรือดีใจ เพราะเวลาดีใจก็อย ากจะให้ดีใจไปเรื่อยๆ พอไม่ดีใจก็จะเสียใจ

ปัญหาของพวกเราคือ ไม่มีสติที่จะคอยควบคุมใจให้อยู่เฉยๆ ให้สักแต่ว่ารู้ เช่นทำอะไรก็ให้สักแต่ว่ารู้ กำลังเดินก็รู้ว่ากำลังเดิน กำลังรับประทานอาหาร ก็รู้ว่ากำลังรับประทานอาหาร ไม่คิดเรื่องราวต่างๆ

วันนี้เรามีเรื่องราวเตือนสติเพื่อนๆที่โก ร ธ ไว ทำอะไรม่คิดก่อน มาฝากกันค่ะ

ในวัดแห่งหนึ่ง หลวงพ่อชอบปลูกต้นไม้มาก และก็ได้ปลูกต้นกล้วยไม้ไว้เชยชม หลวงพ่อจะคอยมาดูแล รดน้ำต้นกล้วยไม้อยู่ทุกวัน เลี้ยงดูประคบประหงมเป็นอย่างดี

อยู่มาวันหนึ่ง หลวงพ่อมีธุระที่ต้องไปทำที่ต่างจังหวัดหลายวัน กลัวว่าจะไม่มีคนดูแลต้นกล้วยไม้ให้ จึงได้เอาไปฝากให้เณรช่วยดูแล

เณรรู้ว่าหลวงพ่อ รักต้นกล้วยไม้ต้นนี้มาก คอยรดน้ำ ดูแลอยู่ทุกวัน เณรจึงคอยดูแลต้นกล้วยไม้นี้อย่างดี ไม่ต่างจากที่หลวงพ่อเคยทำ

ช่วงสายของวันหนึ่ง เณรได้ออ กไปทำธุระที่นอ กวัด และมีพายุเข้า ฝนทำท่าจะตก ลมแรงมาก จนพัดเอากระถางต้นกล้วยไม้ของหลวงพ่อตกลงมา ดอ กกล้วยไม้ร่วงหล่น ต้นก็หัก

เณรกลับมาถึงวัด เห็นสภาพกล้วยไม้ ก็ตกใจมาก พลางคิดในใจว่าต้องโดนหลวงพ่อดุแน่นอน หลังจากนั้นไม่กี่วัน หลวงพ่อก็กลับมาจากไปทำธุระ เณรรีบเข้าไปบอ กความจริง

พร้อมกับเตรียมใจที่จะรับคำโดนว่า ที่ไม่สามารถดูแลต้นกล้วยไม้ให้ดีไว้ได้ แต่เมื่อหลวงพ่อฟังเสร็จ กลับไม่พูดอะไรสักคำ แค่พยักหน้ารับรู้เรื่องราว ยิ่งทำให้เณรประหลาดใจ เพราะรู้ว่าหลวงพ่อรักต้นกล้วยไม้นี้มาก

ด้วยความสับสน และคิดว่าหลวงพ่อคง โ ก ร ธ มาก จึงถามไปว่า ทำไมหลวงพ่อไม่ว่าอะไรผมเลย ทั้งๆที่ผมทำกล้วยไม้ของหลวงพ่อหักหมด

หลวงพ่อเพียงยิ้มเบาๆ และเอ่ยขึ้นมาว่า หลวงพ่อปลูกกล้วยไม้ไว้ชมนะ ไม่ได้ปลูกไว้เพื่อโก ร ธ ใคร เมื่อเณรได้ยินดังนั้น ก็ได้เข้าใจถึง สัจธรรม ความเป็นจริงของชีวิต

คนเราสมัยนี้ใจร้อน เรื่องเล็กๆน้อยๆไม่ค่อยอย ากจะยอมกัน จึงเกิดเป็นปัญหาใหญ่ วุ่นวายกว่าเดิม อะไรนิดๆหน่อยๆไม่ถูกใจ ก็ โ ว ย ว า ย ใส่กันแล้ว ความ โ ก ร ธ ก็เหมือนน้ำมันกับไฟ

คนหนึ่งเป็นไฟ คนหนึ่งเป็นน้ำมัน ยิ่ง โ ก ร ธ ไฟก็ยิ่งลุก ยิ่งราดน้ำมัน ไฟก็ยิ่งท่วม เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ถ้าคุณต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ในชีวิตประจำวันล่ะ

คุณยังจะ บีบแตร ใส่คนที่ยืนยึกยักข้างริมถนนอยู่มั้ย ถ้ารู้ว่าเขาใส่ ขาเทียม คุณยังจะ เดินเบียดใส่ คนที่เดินช้าข้างหน้าอยู่มั้ย ถ้ารู้ว่าเขาเพิ่ง ต ก ง า น

คุณยังจะ หั ว เ ร า ะ เ ย า ะ คนที่แต่งตัวเชยๆ อยู่มั้ย ถ้ารู้ว่าเขามี ชุดแค่ชุดเดียว คุณยังจะ รำคาญ ลุงโต๊ะข้างๆที่หัวเราะเสียงดังอยู่มั้ย ถ้ารู้ว่าเขาเป็น ม ะ เ ร็ ง ร ะ ย ะ สุ ด ท้ า ย

ตัวเรารู้อยู่เสมอ ว่าเราเจอกับอะไรมา เราเข้าใจตัวเองกับสิ่งที่ต้องเจอ และสิ่งที่ทำให้รู้สึกแย่ แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่า คนอื่นเขาเจออะไรมา เขาถึงต้องเป็นแบบนั้น ทำอย่างนั้น โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเราคนเดียว ดังนั้นจงมองให้เห็นถึงความรู้สึกของคนอื่นด้วย

ขอบคุณที่มา fw line posttoday

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

− 1 = 4

Back To Top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า