แม้จะรักษาศีลถึง 100 ปี ก็ได้บุญไ ม่เท่า
พวกเราชาวพุทธ มักจะถูกสั่งสอนมาให้สร้างความดี สร้างบุญดีไว้มากๆ สะสมบุญบารมีให้ชีวิตมีความสุข ถึงแม้จะรักษาศีลถึง 100 ปี ก็ยังไ ม่เท่ากับการทำสิ่งนี้ นั่นคือ การเจริญภาวนา เพราะถือว่าจะได้บุญมาก และเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตามความเชื่ อ ทำด้วยใ จที่สะอาดบริสุทธิ์
การเจริญภาวนา มีด้วยกัน 2 แบบ
1 การทำสมาธิด้วยสมถะภาวนา
หมายถึง การทำสมาธิ เพื่อให้จิตใ จสงบ และกำหนดลมหายใ จของตัวเอง แต่การทำสมาธิ สามารถทำได้หลายรูปแบบ ไ ม่ใช่แค่การนั่งสมาธิแล้วหลับตาแบบที่เราๆ เข้าใ จ
“การไหว้พระสวดมนต์” ก็เป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะตอนที่เรากำลังสวดมนต์ จิตใจเราจะจดจ่ออยู่กับบทสวด และเป็นการทำสมาธิในขั้นต้นที่ให้คนส่วนใหญ่ใช้ฝึกฝนเพื่อให้มีสมาธิ
2 การเจริญปัญญา
ในการเจริญปัญญา จะไ ม่เหมือนกับการทำสมาธิเลยซะทีเดียว เพราะการทำสมาธิ จะทำเพื่อให้จิตใ จจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ แต่การเจริญภาวนาต้องมีการคิด “ใค ร่ครวญ” และเป็นการหาเห ตุผล หาความจริงบนโลก เพื่อตระหนักได้ว่า “ทุกสิ่งบนโลกเป็นสิ่งที่ไ ม่เที่ยง ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป”
ผลของการเจริญสมาธิและปัญญา
1 ความสุขในปัจจุบัน
หากคนที่ฝึกสมาธิระดับเบื้องต้นได้ จิตใ จจะรู้สึกปล่อยวาง และผ่อนคลาย รู้สึกเป็นสุขในทุกอิริยาบถ ไ ม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน จิตใ จของเราก็จะนิ่งเป็นสุข เรียกได้ว่า เกิดผลบุญขึ้นในใ จแล้ว
2 ความสุขในโลกหน้า
เป็นความสุขที่เราไ ม่ได้สัมผัสในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก แต่เป็นตอนที่เราได้ละจากโลกนี้ไปแล้ว เราจะได้ไปเสวยสุขในภพภูมิที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการเจริญสมาธิและปัญญา ที่มีจิตใ จที่ผ่องใสและเป็นสุข
3 ความสุขอันเป็นนิพพาน
หากเราหมั่นเพียรในการฝึกฝนเจริญภาวนา จนไปถึงขั้นที่เรียกว่า “หลุดพ้นจาก กิ เ ล ส” ได้แล้ว เราก็จะไปถึงพระนิพพาน คือการไ ม่กลับมาเวียนว่ายเกิดใหม่อีก ซึ่งหากใครที่ต้องการจะมีความสุขแบบตลอดกาล พ้นจาก ทุ ก ข์ ทั้งปวง ก็ต้องฝึกสมาธิและการเจริญปัญญาที่ถูกต้องจากผู้ที่รู้จริงเท่านั้น
ตามที่พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า
“แม้จะรักษาศีล 227 ข้อให้ไ ม่ด่า งพร้ อยถึง 100 ปี ก็สู้การทำสมาธิภาวนาเพียงแค่เพียงไก่กระพือปีก หรือช้างกระดิ กหูไ ม่ได้”
การที่เราจะทำสมาธิและเจริญภาวนาจนติดเป็นนิสัย หรือกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ก็จะทำให้ชีวิตพบเจอกับความสุขได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเราควรที่จะหมั่นสร้างบุญสร้างกุศลไว้มากๆ เพราะเมื่อถึงเววลาที่ต้องนำไปใช้ จะได้มีมากพอ ไ ม่ขาดแคลน
ดังคำสอนของสมเด็จของพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี
“บุญเราไ ม่เคยสร้าง ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า”
ขอขอบคุณแหล่งที่มาจาก : ธ.ธรรมรักษ์