ลูก กังวล หลังแม่ห กล้มในบ้าน ไม่ไว้ใจให้อยู่ลำพั ง ตั ดสินใจส่งไปอยู่บ้านพักคนชรา
สื่อต่างประเทศเปิดเผย คุณแม่ของดาราอาวุโส โหวซือชวิน เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูก 4 คนเติบโตด้วยตนเอง แถมเธอยังมีทัศนคติที่ว่า จะไม่เลี้ยงลูกเพื่อให้ลูกมาเลี้ยงดูตนเองตนแก่เฒ่า นี่เป็นความคิดที่เธอ
คิดไว้ในอนาคต เธอบอกว่าจะเก็บเงินและจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านพักคนชราเมื่ออายุมากแล้ว จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในช่วงบั้นปลายชีวิต ณ ที่นั่น
ชีเจียจวิน คุณแม่ของดาราอาวุโส เกิດในบ้านที่มีฐานะร่ำຣวຢของปักกิ่ง ประเทศจีน ตั้งแต่เล็กจนโตในบ้านก็จะมีคนรับใช้ ภายในบ้านยังมีห้องนอนอีก 20 ห้อง บ้านกว้างใหญ่มีสวนทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน ส่วนเธอก็เป็นคุณหนูเลยก็ว่าได้ ไม่มีเ รื่ อ งอะไรให้ต้องกังวลใจ
แต่หลังจากที่เธอแต่งงานกับนายทหาร ก็ต้องมีภาระรับผิดชอบมากมาย ต้องกลายเป็นหญิงแกร่ง และต้องย้ายถิ่นฐานมายังไต้หวัน ตอนนั้นพวกเขาลำบากมาก ต้องอาศัยในห้องเช่าแคบ ที่มีเพียงห้องน้ำและ
ห้องนอนเท่านั้น ครอบครัว 6 คนต้องนอนแออัดกันในห้องเดียว จากที่เป็นคุณหนูไม่เคยทำอะไรก็ต้องลำบากทำเองทั้งหมด
แต่ช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิตก็คือ สามีของเธอป่ ว ยด้วย โ ร ค ตั บ อั ก เ ส บ นอนติดเตียงที่โรงพย าบาล เธอต้องวิ่งไปมาระหว่างบ้านและโรงพย าบาลเพื่อส่งน้ำส่งข้าวให้สามี แล้วค่อยส่งปิ่นโตไปให้ลูก แต่ละวันเธอได้นอนเพียง 3 ชั่ วโมงเท่านั้น
พอเมื่อสามีกลับบ้านเธอก็ต้องตื่นมากลางดึกเพื่อพลิกตัวให้สามีเสมอ ในระยะเวลาสั้น น้ำหนักเธอลดไป 13 กิโลกรัม เธอยิ้มทั้งน้ำตาว่า “เพื่อดูแลเขา ฉันเกือบเอาชีวิตไม่รอด ดูสินี่มันใช่มือของลูกเศรษฐีหรือเนี่ย? มันเหมือนมือของย ายแก่มากกว่า เหี่ยวย่นมาก”
ไม่นานสามีก็จากโลกนี้ไป เธอต้องขายของมีค่าทั้งหมดเพื่อแลกเป็นเงิน ฝากไว้ในธนาคาร อาศัยดอกเบี้ยที่ธนาคารให้ และบวกกับเงินเดือนเพื่อเลี้ยงลูกทั้ง 4 คน หลังจากนั้นลูกชายทั้ง 3 คนก็สมัครเป็นทหาร ส่วนลูกชายคนที่สองนั้นก็ไปเป็นดารา นั้นก็คือ โหวซือชวิน
เธอมีการวางแผนและเก็บเงินสำหรับเกษียณตั้งแต่เนิ่น แล้ว เธอบอกไม่เคยคิดที่จะพึ่งเงินของลูก เลย เธอบอกว่าลูก อย า กจะซื้อบ้าน เธอยังต้องเอาเงินออกมาช่วยเหลือ เธอหัวเราะแล้วพูดว่า “ในตอนนั้นที่ โหวซือชวิน จะซื้อบ้านและทำหนัง เธอยังต้องขายกำไลหยกที่มีค่าไปด้วย”
ชีเจียจวิน ตอนนี้อาศัยอยู่เพียงลำพัง หากเหนื่อยล้าก็นอนพักที่โซฟา อย า กใส่ อย า กกินอะไรก็ทำตามใจ มีอยู่วันหนึ่ง เธอหกล้มสะโพกได้รับบาดเจ็ບ ลูกของเธอก็เลยไม่ไว้ใจให้เธอยู่ลำพังคนเดียวใน
บ้าน จึงส่งเธอไปอยู่บ้านพักคนชรา เพราะที่นั้นยังมีเพื่อนในวัยเดียวกันได้พูดคุย ไม่เ บื่ อ เธอบอกว่าค่าใช้จ่ายของบ้านพักคนชรา เธอเป็นคนออกเองทั้งหมด ที่นั่นเธอได้รู้จักกับเพื่อนใหม่มากมาย ลูกชายทั้ง
หลายก็แวะมาเยี่ยมเยียนเสมอ บ้านพักคนชราเปรียบเสมือนบ้านหลังสุดท้ายของเธอก็ว่าได้ ซึ่งเป็นบ้านที่ทำให้เธออิ่มเอมและมีความสุขมาก
ที่นั่นอากาศดี สดชื่น ภายในห้องมีปุ่มกดฉุกเฉิน 4 แห่ง หากรู้สึกไม่สบายก็สามารถกดเรียกได้เสมอ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาดูแล กลางคืนก็มีเจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนมาเข้าเวรเฝ้าเสมอ อาหาร 3 มื้อไม่เคยข า ด
ชีเจียจวิน บอกว่า เธอไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่า บ้านพักคนชรานั้นสภาพແย่ แต่เธอคิดว่าตอนยังเป็นวัยรุ่นก็ควรที่จะรีบเก็บเงินสำหรับตอนเกษียณได้แล้ว พอตอนแก่เฒ่าจะได้มีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี มีเงินสำหรับ
ค่าใช้จ่ายของตนเอง เธอแนะนำให้ทุกคนควรมีการวางแผนตั้งแต่เนิ่น พอแก่เฒ่ามาจะได้มีสิทธิเลือกว่าอย า กจะอยู่ที่ไหนด้วยกำลังของตนเอง
หลายคนมักคิดว่าการต้องไปอยู่บ้านพักคนชรานั้นหมายความว่าไม่มีลูกหรือญาติพี่น้องเลี้ยงดู แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีคนชราจำนวนมากที่สมัครใจที่จะไปอยู่บ้านพักคนชราเอง เพราะที่นั่นพวกเขาจะไม่โดด
เดี่ยว แถมยังได้รู้จักกับเพื่อนใหม่อีกมากมาย มีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนในวัยเดียวกัน นี่เป็นทัศนคติที่เธออย า กให้คนชราในยุคนี้และในอนาคตเปลี่ยนมุมมองสำหรับ บ้านพักคนชราเสียใหม่
ขอบคุณที่มาข้อมูล ให้ความรู้